สสส.- สคอ.สานพลังภาคีเครือข่าย ลดเจ็บ-ตายช่วงเทศกาล “ยิ่งดื่มนาน สมองยิ่งเสี่ยง ดื่มไม่ขับ ปีใหม่ 2567” ชี้อุบัติเหตุมากกว่า 50% พบแอลกอฮอล์ในเลือด “หมอประชา” เผยเหล้าส่งผลต่อสมองเสี่ยงอุบัติเหตุสูง พร้อมขยายชุมชนขับขี่ปลอดภัย 189 อปท.ทั่วประเทศ ร่วมตรวจเข้มแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ทุกราย ดื่มไม่ขับ-ไม่ขับเร็ว-สวมหมวกนิรภัย
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2566 ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) และภาคีเครือข่าย แถลงข่าว “ยิ่งดื่มนาน สมองยิ่งเสี่ยง ดื่มไม่ขับ” ปีใหม่ 2567 เน้นย้ำรณรงค์ช่วงเทศกาลสำคัญ
สสส.เผยช่วงเทศกาลผู้ประสบอุบัติเหตุกว่า 50% พบแอลกอฮอล์ในเลือด
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า “ดื่มแล้วขับ” เป็นสาเหตุหลักของอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลผลการตรวจแอลกอฮอล์ในเลือดของกลุ่มผู้ประสบอุบัติเหตุทางถนน พบว่า มากกว่า 50% พบแอลกอฮอล์ในเลือด ดื่มไม่ขับ และลดใช้ความเร็ว เป็นเรื่องที่ทุกคนป้องกันได้ เพื่อฉลองปีใหม่นี้อย่างปลอดภัย และมีความสุข สสส. ได้ผลิตสปอตโฆษณา 2 เรื่อง รณรงค์ให้ผู้ขับขี่ตระหนักถึงอันตราย ลด ละ เลิกพฤติกรรมดื่มแล้วขับ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไม่ประมาท ให้เห็นผลเสียของแอลกอฮอล์ต่อการขับขี่ที่ผลกระทบต่อสมอง และส่งผลต่อการขับขี่ จึงได้พัฒนาแคมเปญ ดื่มไม่ขับ : ดื่มเหล้าเมาถึงสมอง สื่อสารผลเสียของแอลกอฮอล์ ที่ส่งผลต่อสมอง ทำให้ตอบสนองช้าลง ตัดสินใจเบรกรถไม่ทัน และกะระยะในการขับขี่ผิดพลาด
“สสส. ขับเคลื่อนร่วมกับภาคีเครือข่ายสร้างความปลอดภัยทางถนน พัฒนาเครือข่ายตำบลสุขภาวะ รณรงค์ป้องกันปัญหาอุบัติเหตุทางถนนเข้มข้นใน 189 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน 35 อำเภอ 20 จังหวัด เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับร่วม 100 เครือข่าย ทั่วประเทศ ร่วมรณรงค์ในพื้นที่ หนุนเสริมตรวจแอลกอฮอล์ในผู้ขับขี่ทุกรายที่ประสบอุบัติเหตุ และไม่สนับสนุนการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเด็กและเยาวชน และเครือข่ายสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) ที่มีอยู่ทั่วประเทศ เพิ่มความเข้มข้นช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดที่มีการจัดกิจกรรมฉลองปีใหม่ หรือพื้นที่อำเภอเสี่ยง และพื้นที่ท่องเที่ยวเน้นมาตรการดูแลเรื่อง ดื่มไม่ขับ-ไม่ขับเร็ว-สวมหมวกนิรภัย” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว
ศปถ.ใช้แผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน หวังลดอุบัติเหตุ
นายวิทยา จันทร์เสนะ ผู้อำนวยการกองบูรณาการความปลอดภัยทางถนน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า สถิติอุบัติทางถนนจากศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) รายงานว่า ปีใหม่ 2566 ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 2564 – 4 ม.ค. 2566 เกิดอุบัติเหตุรวม 2,440 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 317 ราย ผู้บาดเจ็บ 2,437 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับเร็ว 37.5% ดื่มแล้วขับ 25.49% ตัดหน้ากระชั้นชิด 18.69% ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือรถจักรยานยนต์ 82.11% รถกระบะ 5.56% รถเก๋ง 3.24% ศปถ. ได้มีแนวทางดำเนินการป้องกันลดอุบัติเหตุทางถนน
1. กำหนดเป็น “วาระแห่งชาติ” บูรณาการร่วมขับเคลื่อนในพื้นที่อย่างจริงจัง ต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยใช้แผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. 2565 – 2570 เป็นกรอบดำเนินงาน
2. ระดับพื้นที่ใช้กลไก ศปถ.จังหวัด ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เน้นมาตรการชุมชน มาตรการทางสังคม อาทิ เคาะประตูบ้าน ด่านชุมชน ด่านครอบครัว ป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยง
3. จังหวัดร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัด บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จริงจัง และต่อเนื่อง ควบคู่กับการรณรงค์ให้มีความตระหนัก สร้างจิตสำนึก รับผิดชอบต่อสังคม
4. ทุกภาคส่วนบูรณาการข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน
5. เสริมสร้าง ปลูกฝัง สร้างความตระหนักรู้ และจิตสำนึกอย่างจริงจัง เกิดวัฒนธรรมความปลอดภัย
หลังปิดผับ ตี 4 "เชียงใหม่" อุบัติเหตุเพิ่ม
นพ.ประชา กัญญาประสิทธิ์ “หมอประชาผ่าตัดสมอง” ศัลยแพทย์ระบบประสาทและหลอดเลือดสมอง รพ.เชียงใหม่ราม กล่าวว่า 84% ของประชากรทั่วโลกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้สูญเสียความสามารถการตัดสินใจ ความมีเหตุผล การควบคุมการเคลื่อนไหว สูญเสียความสามารถการรับรู้ มองเห็น ได้ยิน และความจำ ยิ่งดื่มยิ่งส่งผลต่อสมอง และเสี่ยงอุบัติเหตุสูง ทั้งนี้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือด 0.01-0.05% ทำให้เริ่มตื่นตัว 0.03 - 0.12% โดพามีน (Dopamine) เริ่มหลั่งจะรู้สึกสดชื่น มีความมั่นใจ รู้สึก Relax สดใส 0.08 - 0.25% เริ่มกดสมองส่วนต่างๆ เช่น กดสมองส่วนหน้าเกิดการยั้งคิด กดสมองส่วนทรงตัวทำให้ทรงตัวไม่ได้ กดสมองส่วนที่แปลประสาทตาทำให้ตาเบลอ กดสมองส่วนที่ใช้พูดก็จะพูดช้า กดสมองส่วนที่ทำให้ตัดสินใจส่งผลให้ให้ตัดสินใจผิดพลาดได้ง่ายดาย 0.18 - 0.30% สับสน ความจำเริ่มเสื่อมลง มากกว่า 0.25% จะเริ่มซึมเริ่มหลับ มากกว่า 0.35% ก็ทำให้โคม่า และมากกว่า 0.45%ทำให้เสียชีวิตได้
เมื่อถามถึงการขยายเวลาเปิดสถานบริการผับ บาร์ถึงตี 4 นำร่องใน กรุงเทพฯ ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต และอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฏร์ธานี นพ.ประชา กล่าวว่า ในจังหวัดเชียงใหม่ อุบัติเหตุเพิ่มขึ้นหลังปิดผับ ตี 4 เพราะการดื่มนาน โอกาสเกิดอุบัติเหตุยิ่งสูง ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลทุกที่ก็จะมีผู้เข้ารับการรักษามากขึ้น ทั้งจากอุบัติเหตุรถล้มหรือทะเลาะวิวาท ทำให้ภาระงานไปอยู่ที่โรงพยาบาล
"คนที่ดื่มเหล้าแล้วเกิดอุบัติเหตุจะรุนแรงกว่าคนปกติ เพราะสมองในส่วนของการตัดสินใจแย่ลง ขับขี่ด้วยความเร็วมากขึ้น สมองที่ใช้ในการทรงตัวแย่ลง สมองที่ควบคุมสายตาแย่ลง เพราะฉะนั้นอุบัติเหตุจึงรุนแรง คนที่ดื่มเหล้า เลือดที่ไหลจะหยุดยาก เพราะความดันโลหิตสูง แรงปั๊มมันสูง เลือดก็ไหลออกเยอะ และยังส่งผลต่อตับ ทำให้ตับสร้างสารการแข็งตัวได้ไม่ดี เลือดจึงหยุดยาก เกล็ดเลือดที่มีหน้าที่ห้ามเลือดก็ทำงานได้ไม่ดี เมื่อดื่มเหล้าเลือดจึงไหลหยุดยากกว่าคนปกติ" นพ.ประชา กล่าว
นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) กล่าวว่า ปีใหม่นี้ ทาง สคอ. ได้สื่อสารประชาสัมพันธ์ และรณรงค์สร้างความรู้ ความตระหนักแก่ประชาชนผู้ขับขี่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนเทศกาล และช่วงเทศกาล โดยผลิตสื่อฯ และชุดข้อมูลการเฝ้าระวังป้องกัน ลดอุบัติเหตุทางถนนสนับสนุนภาคีเครือข่ายทั้งรัฐ และเอกชน กระจายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เป็นกรอบ และแนวทางทำงานในพื้นที่ตามนโยบายศปถ. อีกทั้งเทศกาลปีใหม่นี้ได้วางแผนลงพื้นที่ติดตามกรณีอุบัติเหตุใหญ่ ที่เกิดช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยใช้ข้อมูลจาก ศปถ. ที่รายงานการเกิดอุบัติเหตุรายวัน จัดทำเป็นคลิปวิดีโอสะท้อนผลกระทบ ปัญหา สาเหตุ และข้อเสนอแนวทางแก้ไขขับเคลื่อนในระดับนโยบาย สู่การปฏิบัติให้เกิดความปลอดภัยทางถนนในอนาคต สิ่งที่น่ากังวล คือ ความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มขึ้น จากการอนุญาตให้เปิดสถานบริการได้ถึงตี 4 ขอให้ผู้เกี่ยวข้องยึดมั่นในเงื่อนไขตามกฎกระทรวงมหาดไทย และนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการห้ามขายคนอายุต่ำกว่า 20 ปี - คนเมา ตรวจแอลกอฮอล์คนขับก่อนกลับ หากเกิน 50 mg% จัดที่พักคอย หากไม่รอให้ติดต่อเพื่อนหรือ ญาติพากลับ หรือจัดหารถส่งลูกค้า จะช่วยลดผลกระทบความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
“อนุทิน” ลั่นพอใจปิดผับบาร์ตี4 เศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมเสวนาร่วม “บิ๊กโจ๊ก” ลดอุบัติเหตุ
- 167 views